ใบงานที่ 1 เรื่อง
การออกแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดของ
Gagne
คำชี้แจง จากการสัมภาษณ์ครูโรงเรียนสาธิตรำไพพรรณี
ให้นักศึกษานำผลที่ได้จากการสัมภาษณ์ในส่วนของแผนการสอน (ขั้นนำ ขั้นสอน/กิจกรรม
ขั้นสรุป) มาร่วมกันคิดและเขียนเป็นกิจกรรมการเรียนการสอน 9 ขั้น ตามแนวคิดของ Gagne โดยแนวทางในการประยุกต์ใช้ของแต่ละกลุ่มจะต้องไม่ซ้ำกัน
แนวคิดของ
Gagne 9 ขั้น
|
รายละเอียดขั้นตอน
|
แนวทางในการประยุกต์ใช้
|
ขั้นที่ 1
เร่งเร้าความสนใจ (Gain
Attention)
|
ก่อนที่จะเริ่มการนำเสนอเนื้อหาบทเรียน ควรมีการจูงใจและเร่งเร้าความสนใจให้ผู้เรียนอยากเรียนดังนั้นบทเรียนคอมพิวเตอร์จึงควรเริ่มด้วยการใช้ภาพ
แสง สี เสียง หรือใช้สื่อประกอบกันหลาย ๆ อย่าง
โดยสื่อที่สร้างขึ้นมานั้นต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหาและน่าสนใจ
ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อความสนใจของผู้เรียน นอกจากเร่งเร้าความสนใจแล้ว
ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนพร้อมที่จะศึกษาเนื้อหาต่อไปในตัวอีกด้วย
|
ตัวอย่าง ให้นักเรียนรับชมวีดีโอ
เรื่อง ประโยชน์ของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ
|
ขั้นที่ 2
บอกวัตถุประสงค์ (Specify
Objective)
|
วัตถุประสงค์ของบทเรียน
นับว่าเป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะได้ทราบถึงความคาดหวังของบทเรียนจากผู้สอน
นอกจากผู้เรียนจะทราบถึงพฤติกรรมขั้นสุดท้ายของตนเองหลังจบบทเรียนแล้ว
ยังเป็นการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าถึงประเด็นสำคัญของเนื้อหารวมทั้งเค้าโครงของเนื้อหาอีกด้วย
การที่ผู้เรียนทราบถึงขอบเขตของเนื้อหาอย่างคร่าว ๆ
จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถผสมผสานแนวความคิดในรายละเอียดหรือส่วนย่อยของเนื้อหาให้สอดคล้องและสัมพันธ์กับเนื้อหาในส่วนใหญ่ได้
ซึ่งมีผลทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากจะมีผลดังกล่าวแล้ว
ผลการวิจัยยังพบด้วยว่า ผู้เรียนที่ทราบวัตถุประสงค์ของการเรียนก่อนเรียนบทเรียน
จะสามารถจำและเข้าใจในเนื้อหาได้ดีขึ้นอีกด้วย
|
ตัวอย่าง มีการบอกวัตถุประสงค์ของบทเรียนให้นักเรียนได้รับทราบ
ว่าบทเรียนเรื่องนี้ต้องการให้นักเรียนบรรลุวัตถุประสงค์ใด
|
ขั้นที่ 3
ทบทวนความรู้เดิม (Activate
Prior Knoeledge)
|
การทบทวนความรู้เดิมก่อนที่จะนำเสนอความรู้ใหม่แก่ผู้เรียน
มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาวิธีการประเมิน
ความรู้ที่จำเป็นสำหรับบทเรียนใหม่ เพื่อไม่ให้ผู้เรียนเกิดปัญหาในการเรียนรู้ วิธีปฏิบัติโดยทั่วไปสำหรับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนก็คือ
การทดสอบก่อนบทเรียน (Pre-test) ซึ่งเป็นการประเมินความรู้ของผู้เรียน
เพื่อทบทวนเนื้อหาเดิมที่เคยศึกษาผ่านมาแล้ว
และเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับเนื้อหาใหม่
นอกจากจะเป็นการตรวจวัดความรู้พื้นฐานแล้ว
บทเรียนบางเรื่องอาจใช้ผลจากการทดสอบก่อนบทเรียนมาเป็นเกณฑ์จัดระดับความสามารถของผู้เรียน
เพื่อจัดบทเรียนให้ตอบสนองต่อระดับความสามารถของผู้เรียน
เพื่อจัดบทเรียนให้ตอบสนองต่อระดับความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียนแต่ละคน
แต่อย่างไรก็ตาม ในขั้นการทบทวนความรู้เดิมนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นการทดสอบเสมอไป
หากเป็นบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่สร้างขึ้นเป็นชุดบทเรียนที่เรียนต่อเนื่องกันไปตามลำดับ
การทบทวนความรู้เดิมอาจอยู่ในรูปแบบของการกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดย้อนหลังถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้ก็ได้
การกระตุ้นดังกล่าวอาจแสดงด้วยคำพูด คำเขียน ภาพ
หรือผสมผสานกันแล้วแต่ความเหมาะสม ปริมาณมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับเนื้อหา
|
ตัวอย่าง
มีการทำแบบทดสอบก่อนเรียน เป็นข้อสอบแบบอัตนัย จำนวน 3 ข้อ ก่อนจะมีการเรียนการสอน เพื่อเป็นการวัดความรู้เดิมของผู้เรียน
|
ขั้นที่ 4
นำเสนอเนื้อหาใหม่ (Present
New Information)
|
หลักสำคัญในการนำเสนอเนื้อหาของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนก็คือ
ควรนำเสนอภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ประกอบกับคำอธิบายสั้น ๆ ง่าย ๆ
แต่ได้ใจความ การใช้ภาพประกอบ จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาง่ายขึ้น
และมีความคงทนในการจำได้ดีกว่าการใช้คำอธิบายเพียงอย่างเดียว โดยหลักการที่ว่าภาพจะช่วยอธิบายสิ่งที่เป็นนามธรรมให้ง่ายต่อการรับรู้
แม้ในเนื้อหาบางช่วงจะมีความยากในการที่จะคิดสร้างภาพประกอบ
แต่ก็ควรพิจารณาวิธีการต่าง ๆ ที่จะนำเสนอด้วยภาพให้ได้ แม้จะมีจำนวนน้อย
แต่ก็ยังดีกว่าคำอธิบายเพียงคำเดียว อย่างไรก็ตามการใช้ภาพประกอบเนื้อหาอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร
หากภาพเหล่านั้นมีรายละเอียดมากเกินไป ใช้เวลามากไปในการปรากฏบนจอภาพ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
ซับซ้อน เข้าใจยาก เป็นต้น
|
ตัวอย่าง มีการสอนตามแผนการสอนที่เตรียมไว้
โดยใช้สื่อเป็น PowerPoint
มีรูปภาพอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ
พร้อมทั้งอธิบายลักษณะการใช้งานและประโยชน์ใต้ภาพนั้น ๆ
|
ขั้นที่ 5
ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ (Guide Learning)
|
ตามหลักการและเงื่อนไขการเรียนรู้ (Condition
of Learning) ผู้เรียนจะจำเนื้อหาได้ดี
หากมีการจัดระบบการเสนอเนื้อหาที่ดีและสัมพันธ์กับประสบการณ์เดิมหรือความรู้เดิมของผู้เรียน
บางทฤษฎีกล่าวไว้ว่า การเรียนรู้ที่กระจ่างชัด (Meaningfull Learning) นั้น
ทางเดียวที่จะเกิดขึ้นได้ก็คือการที่ผู้เรียนวิเคราะห์และตีความในเนื้อหาใหม่ลงบนพื้นฐานของความรู้และประสบการณ์เดิม
รวมกันเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ ดังนั้น
หน้าที่ของผู้ออกแบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในขั้นนี้ก็คือ
พยายามค้นหาเทคนิคในการที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนนำความรู้เดิมมาใช้ในการศึกษาความรู้ใหม่
นอกจากนั้น ยังจะต้องพยายามหาวิถีทางที่จะทำให้การศึกษาความรู้ใหม่ของผู้เรียนนั้นมีความกระจ่างชัดเท่าที่จะทำได้
เป็นต้นว่า การใช้เทคนิคต่างๆ เข้าช่วย ได้แก่ เทคนิคการให้ตัวอย่าง (Example) และตัวอย่างที่ไม่ใช่ตัวอย่าง
(Non-example) อาจจะช่วยทำให้ผู้เรียนแยกแยะความแตกต่างและเข้าใจมโนคติของเนื้อหาต่าง
ๆ ได้ชัดเจนขึ้น สรุปแล้วในขั้นตอนนี้ผู้ออกแบบจะต้องยึดหลักการจัดการเรียนรู้
จากสิ่งที่มีประสบการณ์เดิมไปสู่เนื้อหาใหม่ จากสิ่งที่ยากไปสู่สิ่งที่ง่ายกว่า
ตามลำดับขั้น
|
ตัวอย่าง ใช้เทคนิคการให้ตัวอย่าง (Example) เช่น ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ อธิบายประโยชน์ในหลายๆ
ด้าน
|
ขั้นที่ 6 กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน
(Elicit
Response)
|
นักการศึกษากล่าวว่า
การเรียนรู้จะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับระดับและขั้นตอนของการประมวลผลข้อมูล
หากผู้เรียนได้มีโอกาสร่วมคิด ร่วมกิจกรรมในส่วนที่เกี่ยวกับเนื้อหา
และร่วมตอบคำถาม
จะส่งผลให้มีความจำดีกว่าผู้เรียนที่ใช้วิธีอ่านหรือคัดลอกข้อความจากผู้อื่นเพียงอย่างเดียวบทเรียนคอมพิวเตอร์
มีข้อได้เปรียบกว่าโสตทัศนูปการอื่น ๆ เช่น วิดิทัศน์ ภาพยนตร์ สไลด์ เทปเสียง
เป็นต้น ซึ่งสื่อการเรียนการสอนเหล่านี้จัดเป็นแบบปฏิสัมพันธ์ไม่ได้ (Non-interactive
Media) แตกต่างจากการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ผู้เรียนสามารถมีกิจกรรมร่วมในบทเรียนได้หลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม
แสดงความคิดเห็น เลือกกิจกรรม และปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน กิจกรรมเหล่านี้เองที่ไม่ทำให้ผู้เรียนรู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อมีส่วนร่วม
ก็มีส่วนคิดนำหรือติดตามบทเรียน ย่อมมีส่วนผูกประสานให้ความจำดีขึ้น
|
ตัวอย่าง มีการตั้งคำถามนักเรียนว่า
1) ให้นักเรียนยกตัวอย่างอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศที่นักเรียนรู้จักว่ามีอะไรบ้าง
และอาจถามต่ออีกว่า “แล้วทราบหรือไม่ว่าอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างไร”นักเรียนอาจมีการตอบคำถามนั้นถูกบ้าง ผิดบ้าง ถูกแล้วแต่ไม่สมบูรณ์บ้าง
ครูจะทำหน้าที่เสริมแรงโดยการกล่าวชมเชยสำหรับนักเรียนที่ตอบคำถามถูก
และช่วยตอบเสริมจากคำตอบที่นักเรียนตอบถูกแล้วแต่ไม่สมบูรณ์หรือตอบคำตอบที่นักเรียนตอบไม่ถูกต้อง
|
ขั้นที่ 7
ให้ข้อมูลย้อนกลับ (Provide
Feedback)
|
ผลจากการวิจัยพบว่า
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะกระตุ้นความสนใจจากผู้เรียนได้มากขึ้น ถ้าบทเรียนนั้นท้าทายโดยการบอกเป้าหมายที่ชัดเจน
และแจ้งให้ผู้เรียนทราบว่าขณะนั้นผู้เรียนอยู่ที่ส่วนใด ห่างจากเป้าหมายเท่าใด
การให้ข้อมูลย้อนกลับดังกล่าว
ถ้านำเสนอด้วยภาพจะช่วยเร่งเร้าความสนใจได้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะถ้าภาพนั้นเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน
อย่างไรก็ตาม การให้ข้อมูลย้อนกลับด้วยภาพ หรือกราฟิกอาจมีผลเสียอยู่บ้างตรงที่ผู้เรียนอาจต้องการดูผลว่าหากทำผิดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ตัวอย่างเช่น
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกมการสอนแบบแขวนคอสำหรับการสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ผู้เรียนอาจตอบโดยการกดแป้นพิมพ์ไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจเนื้อหา
เนื่องจากต้องการดูผลจากการแขวนคอ วิธีหลีกเลี่ยงก็คือ
เปลี่ยนจากการนำเสนอภาพในทางบวก เช่น ภาพเล่นเรือเข้าหาฝั่ง
ภาพขับยานสู่ดวงจันทร์ ภาพหนูเดินไปกินเนยแข็ง เป็นต้น
ซึ่งจะไปถึงจุดหมายได้ด้วยการตอบถูกเท่านั้น
หากตอบผิดจะไม่เกิดอะไรขึ้นอย่างไรก็ตามถ้าเป็นบทเรียนที่ใช้กับกลุ่มเป้าหมายระดับสูงหรือเนื้อหาที่มีความยาก
การให้ข้อมูลย้อนกลับด้วยคำเขียนหรือกราฟจะเหมาะสมกว่า
|
ตัวอย่าง มีการมอบหมายงานให้นักเรียนแต่ละคนได้ทำ
โดยให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นดาว (1 ดาว :
ปรับปรุง , 2 ดาว : พอใช้ , 3 ดาว : ดี)
|
ขั้นที่ 8
ทดสอบความรู้ใหม่ (Assess
Performance)
|
การทดสอบความรู้ใหม่หลังจากศึกษาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรียกว่า
การทดสอบหลังบทเรียน (Post-test) เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทดสอบความรู้ของตนเองนอกจากนี้จะยังเป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่
เพื่อที่จะไปศึกษาในบทเรียนต่อไปหรือต้องกลับไปศึกษาเนื้อหาใหม่
การทดสอบหลังบทเรียนจึงมีความจำเป็นสำหรับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนทุกประเภท
นอกจากจะเป็นการประเมินผลการเรียนรู้แล้วการทดสอบ
ยังมีผลต่อความคงทนในการจดจำเนื้อหาของผู้เรียนด้วย
แบบทดสอบจึงควรถามแบบเรียงลำดับตามวัตถุประสงค์ของบทเรียน ถ้าบทเรียนมีหลายหัวเรื่องย่อย
อาจแยกแบบทดสอบออกเป็นส่วน ๆ ตามเนื้อหา โดยมีแบบทดสอบรวมหลังบทเรียนอีกชุดหนึ่งก็ได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ออกแบบบทเรียนต้องการแบบใด
|
ตัวอย่าง มีการทำแบบทดสอบหลังเรียน
เป็นข้อสอบแบบอัตนัย จำนวน 3 ข้อ
ซึ่งเป็นข้อสอบชุดเดียวกันกับแบบทดสอบก่อนเรียน
เพื่อนำผลการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนมาเปรียบกัน ซึ่งข้อสรุป คือ
คะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบ
|
ขั้นที่ 9 สรุปและนำไปใช้
(Review
and Transfer)
|
การสรุปและนำไปใช้ จัดว่าเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนสุดท้ายที่บทเรียนจะต้องสรุปมโนคติของเนื้อหาเฉพาะประเด็นสำคัญ
ๆ รวมทั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ
เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทบทวนความรู้ของตนเองหลังจากศึกษาเนื้อหาผ่านมาแล้ว
ในขณะเดียวกัน บทเรียนต้องชี้แนะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องหรือให้ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม
เพื่อแนะแนวทางให้ผู้เรียนได้ศึกษาต่อในบทเรียนถัดไป
หรือนำไปประยุกต์ใช้กับงานอื่นต่อไป
|
ตัวอย่าง ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปบทเรียนว่านักเรียนได้รับความรู้ว่าอย่างไรบ้าง
จากการเรียนการสอนที่ผ่านมา เช่น อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศมีอะไรบ้าง
แต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างไร
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น